วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์

    
การบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์
 
การบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์
           เพื่อให้สามารถใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ได้นานขึ้น จึงควรรู้จักวิธีการบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์บ้าง โดยในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงสิ่งที่เป็นอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์การดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์และปัญหาทั่วไปในการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยมีรายละเอียดังต่อไปนี้
 สิ่งที่เป็นอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์
            สิ่งที่เป็นอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สำคัญก็คือลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ความร้อน แสงแดด ฝุ่นละออง น้ำ กระแสไฟฟ้า หรือสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์หลายคนมองข้ามไปแต่ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างมาก ดังนี้
 
     การเปิด – ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์บ่อย ๆ
  เมื่อมีการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานจะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าไปในตัวเครื่องทันที ทำให้เกิดการกระชากของกระแสไฟฟ้าขึ้น ซึ่งหากการกระชากไฟนี้เกินกว่าที่ชิ้นส่วนบนแผงวงจรจะรับได้ จะทำให้แผงวงจรนั้นไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้นถ้าไม่สามารถเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ก็ควรเปิด-ปิดเครื่องให้น้อยที่สุด
 
     ความร้อน
  ความร้อน  ที่เกิดขึ้นภายในเครื่องคอมพิวเตอร์เกิดมาจากการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละชิ้น ซึ่งความร้อนนี้หากสูงเกินขอบเขตที่ฮาร์ดแวร์ทนได้ก็จะทำให้เกิดการเสื่อมของฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้น ดังนั้นจึงต้องมีวิธีที่ใช้ในการระบาย
ความร้อนออกจากเครื่องคอมิวเตอร์ เช่นการระบายความร้อนด้วยการติดตั้งพัดลมที่มีขนาดใหญ่หรือการติดตั้งพัดลมเพิ่มเข้าไปการ
ใช้งานเครื่อง คอมพิวเตอร์ในช่วงเวลาที่มีอุณหภูมิเหมาะสม การใช้เคสที่มีระบบระบายความร้อนที่ดี ซึ่งเคสที่มีระบบระบายความร้อน
ที่ดีในปัจจุบันนี้ก็คือเคสแบบ ATX ซึ่งต้องทำงานร่วมกับเมนบอร์ดแบบ ATX ด้วย โดยที่เคสและเมนบอร์ดชนิดนี้จะได้รับการออก
แบบมาโดยคำนึงถึงหลักการระบายความร้อนที่ดี เป็นต้น การจัดวางเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถถ่ายเทอากาศได้อย่างสะดวกก็เป็น
อีกทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความร้อนได้ โดยในการจัดวางเครื่องคอมพิวเตอร์ควรจะจัดให้ตำแหน่งด้านหลังของเครื่องอยู่ห่างจาก
ผนังหรือกำแพงพอสมควรเพื่อให้สามารถถ่ายเทอาศได้อย่างสะดวกแสงแดด ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความร้อนขึ้นได้ ซึ่งโดยปกติแล้วอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นไม่ควรถูกจัดวางให้สัมผัสกับแสงแดด เครื่องคอมพิวเตอร์ก็เช่นกันไม่ควรจัดวางให้สัมผัส
กับแสงแดดโดยตร
 
    ฝุ่นละออง
 ฝุ่นละออง เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ เสียหายได้เร็วขึ้น เนื่องจากฝุ่นละอองจะเข้าไปขัดขวางทางเดินของ
กระแสไฟฟ้าบนแผงวงจร ทำให้ฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นทำงานได้ไม่เต็มที่หรือทำงานติดขัด นอกจากนี้ ฝุ่นละอองยังเป็นตัวปิดกั้นไม่ให้ความ
ร้อนระบายออกไปได้ ฮาร์ดแวร์ชิ้นหนึ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงจากฝุ่นเป้นอย่างยิ่งก็คือ เครื่องพิมพ์ (Printer) เนื่องจากหากฝุ่นได้เข้าไปเกาะ
อยู่บนหัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์แล้ว จะเข้าไปขวางกั้นการทำงานของเครื่องพิมพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท จะทำให้
การพิมพ์ภาพหรือตัวอักษรบนกระดาษเลอะเลือนได้
 
    น้ำ
 น้ำหรือของเหลว เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้ฮาร์ดแวร์ชิ้นต่าง ๆ เสียหายได้ เนื่องจากฮาร์ดแวร์ทุกชิ้นต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน
และน้ำก็เป็นตัวการที่ทำให้กระแสไฟฟ้าลัดวงจร ดังนั้นจึงไม่ควรนำน้ำหรือของเหลวใด ๆ เข้าใกล้ฮาร์ดแวร์ทุกชิ้นแต่หากต้องใช้น้ำใน
การทำความสะอาดก็ควรถอดปลั๊กไฟออกก่อน และใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาด แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำ
    กระแสไฟฟ้า
  กระแสไฟฟ้า  ที่หล่อเลี้ยงให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยมีสาเหตุมาจากไฟตก ไฟเกิน ไฟดับ และไฟกระชาก ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ไฟดับหรือไฟกระชาก จะทำให้ฮาร์ดแวร์หยุดทำงานชั่วคราว
จนกว่าจะมีกระแสไฟฟ้ากลับมาหล่อเลี้ยงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่ฮาร์ดแวร์หยุดทำงานอย่างฉับพลันนี้อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ฮาร์ดแวร์เสียหายได้
    สนามแม่เหล็กไฟฟ้า
  สนามแม่เหล็กไฟฟ้า  ที่เกิดจากฮาร์ดแวร์ชิ้นหนึ่งอาจจะไปรบกวนการทำงานของฮาร์ดแวร์อีกชิ้นหนึ่ง จนทำให้ฮาร์ดแวร์ที่ถูกรบกวนเสียหายได้ เช่น ลำโพงจากชุดมัลติมีเดีย ที่ไม่มีการป้องกันสนามแม่เหล็กไม่ให้แผ่กระจายออกไป สามารถทำอันตราย จอภาพได้เนื่องจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ออกมาจากลำโพง จะไปรบกวนการสัญญาณของหลอดภาพที่อยู่ภายในตัวจอภาพ ทำให้การแสดงภาพและสีผิดเพี้ยนไป และเมื่อใช้งานไปนานทำให้จอภาพที่ถูกรบกวนด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าไม่สามารถแสดงผลได้ครบทุกสี หรือจอภาพอาจจะเสียไปก็ได้เป็นต้น
    การดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์ชิ้นอื่น ๆ
  ก่อนการซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกครั้งต้องปิดสวิตซ์เครื่องและดึงปลั๊กไฟออกจากเต้าเสียบเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากกระแสไฟฟ้า และสิ่งต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อไม่ให้ เครื่องคอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์ชิ้นต่าง ๆ เสียหาควรปิดเครื่องให้สนิท
อยู่เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้หนูหรือแมลงสาบเข้าไปทำความเสียหายภายในเครื่องในกรณีที่ดึง แผ่นเหล็กปิดสล็อตด้านหลังเครื่องออกเพื่อใส่การ์ดต่าง ๆ เข้าไปก็ควรเก็บแผ่นเหล็กนั้นเองด้วยเพื่อเวลาที่ไม่ได้ใช้การ์ดนั้นแล้วจะได้นำแผ่นเหล็กมาปิดกลับคืน
 - ด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนให่ญ่จะมีพัดลมระบายอากาศอยู่หนึ่งตัว ซึ่งจะหมุนตลอดเวลาที่เปิดเครื่องพัดลมตัวนี้จะทำหน้าที่ดูดอากาศออกจากตัวเครื่องเพื่อระบายความร้อนให้กับระบบจ่ายไฟ จึงควรตรวจบริเวณหลังเครื่องเป็นครั้งคราวเพื่อดูว่ามีลมเป่าออกมาหรือไม่หากไม่มีก็ควรรีบเปลี่ยนโดยด่วน มิฉะนั้นทำให้อุณหภูมิในเครื่องคอมพิวเตอต์สูงเกินไปและจำมีผลเสียต่อตัวเครื่อง
- ควรเปิดฝาครอบเครื่องออกมาเป่าฝุ่นที่เกาะอยู่ตามแผงขงจรสัก 2 เดือนครั้ง แต่หากเครื่อง คอมพิวเตอร์บริเวณที่มีฝุ่นมาก ๆ
อาจจะต้องเป่าเดือนละครั้ง ถ้าไม่มีเครื่องเป่าลมก็ให้ใช้แปรงทาสี ที่มีขนนุ่ม ๆ มาทำความสะอาดฝุ่นละอองที่เกาะบนแผงวงจรภายในเครื่องซึ่งจะช่วยให้กระระบายความร้อนขึ้น                                            - ควรต่อสายดินจากเคสส่วนที่เป็นโลหะแล้วนำไปต่อกับโลหะชิ้นอื่นที่ตั้งอยู่บนพื้น เช่น ท่อน้ำเหล็กประตูโครงฝ้า ที่เป้นอลูมิเนียมเพื่อให้สามารถระบายกระแสไฟฟ้าลงดินได้การต่อสายดินนี้จะช่วยแก้ปัญหาจากตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ทำให้ไม่
ถูกไฟดูดเวลาเผลอไปแตะตัวเครื่อง  รวมทั้งยังช่วยลดความรุนแรงปัญหาไฟกระชากได้อีกด้วย
- ในพื้นที่ที่มีปัญหาไฟดับ ไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชากอยู่บ่อย ๆ ควรซื้อยูพีเอส (UPS) มาใช้งานซึ่งนอกจากช่วยรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่และกรองสัญญาณไฟฟ้าได้แล้วยังจ่ายไฟฟ้าสำรองได้อีกด้วยสามารถ
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่อไปได้อีก 10-15 นาทีทำให้บันทึกข้อมูลได้ทัน
-  ในกรณีที่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์หลายชิ้นกับปลั๊ก 3 ตาเพียงอันเดียวเพื่อต่อทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์สแกนเนอร์โมเด็มและฮาร์ดแวร์ชิ้นอื่น ๆ ควรใช้ปลั๊กรางสำหรับใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขายอยู่โดยทั่วไปแทน ซึ่งปลั๊กรางนี้จะช่องเสียบหลายช่อง
และมีเต้าสำหรับใช้กับปลั๊กแบบ 3 ขาได้ และไม่ควรใช้ตลับสายไฟที่เป็นม้วนกลม เนื่องจากมักจะทำจากอุปกรณ์ราคาถูกเมื่อเสียบปลั๊กแล้วไม่แน่น ทำให้ปลั๊กหลวมจนเครื่องดับในระหว่างการใช้งานและอาจเกิดการสปาร์กที่ปลั๊ก ทำให้เกิดสัญญาณรบกวนระบบไฟฟ้าและถ้าสปาร์กบ่อย ๆ จะทำให้เกิดความร้อนสะสมจนอาจเกิดไฟไหม้ได้
- อย่าปิดแล้วเปิดเครื่องใหม่ทันที นอกจากจะทำให้จอภาพเสียเร็วแล้ว จะทำให้ภาคจ่ายไฟแบบสวิทซึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์มี
อายุการใช้งานสั้นลงด้วย แต่หากต้องการปิดแล้วเปิดเครื่องใหม่ให้ปิดเครื่องแล้วรออย่างน้อย 10 วินาทีเพื่อให้กระแสไฟฟ้า ไหลออกจากตัวเครื่องให้หมดก่อนแล้วจึงเปิดเครื่องใหม่จึงจะไม่สร้างความเสียหายให้กับฮาร์ดแวร์แต่ในกรณีที่เครื่องแฮงก์ให้ลอง
บูทเครื่องใหม่โดยการวอร์มลูทคือกดปุ่ม Ctrl + Alt + Del  เสียก่อนแต่ถ้าไม่ได้ผลให้ กดปุ่ม รีเซตที่ด้านหน้าเครื่องแทนซึ่งจะได้ผล เท่ากับการปิดเครื่องและเปิดเครื่องใหม่โดยไม่ทำให้ภาคจ่ายไฟมีอายุการใช้งานสั้นลง
- ควรนำคีย์บอร์ด คว่ำแล้วเคาะฝุ่นละอองที่ติดตามซอกออกเดือนละครั้งหรือใช้น้ำยาเช็ดทำความสะอาดเพื่อให้สามารถกดปุ่นได้อย่างไม่มีปัญหา
- การดูแลรักษาเมาส์ ควรถอดลูกกลิ้งในเมาส์มาล้างในน้ำอุ่นและขูดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ที่แกนหมุนภายในเมาส์เนื่องจากหากแกนนี้สกปรกจะทำให้เมาส์เคลื่อนที่ได้ไม่สม่ำเสมอควรทำความสะอาดประมาณ 1-2 เดือนต่อครั้งหรือบ่อยกว่านั้นถ้ารูสึกว่าเมาส์เคลื่อนที่ไม่ราบเรียบ นอกจากนี้ควรใช้แผ่นรองเมาส์และทำความสะอาดแผ่นรองเมาส์ให้สะอาดอยู่เสมอ


ยารักษารอยแผลเป็น

  ยารักษารอยแผลเป็น

เรื่อง “แผลเป็น” มีคนจำนวนมากถามหาผลิตภัณฑ์หรือยาที่จะช่วยให้แผลเป็นมีสีจางลง และแบนราบ ไม่เป็นสีเข้มหรือนูนเด่น จนมีผลต่อความสวยความงามของร่างกาย
รอยแผลเป็น เกิดได้อย่างไร  แผลเป็นเกิดจากกระบวนการรักษาแผลที่เกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ มีการสร้างเนื้อเยื่อซึ่งเป็นคอลลาเจน (collagen) มาทดแทนเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไป เป็นกระบวนการสมานรักษาแผลตามธรรมชาติ และเมื่อแผลหายดีแล้ว ก็ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เป็นหลักฐาน ณ บริเวณที่เกิดแผล
แผลที่มักทำให้เกิดรอยแผลเป็น ได้แก่ แผลผ่าตัด แผลจากอุบัติเหตุ แผลไฟไหม้ แผลสิว แผลจากโรคสุกใส เป็นต้น
รอยแผลเป็นที่เห็นกันทั่วไปจะเป็นรอยแผลเป็นที่ผิวหนังภายนอกเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงรอยแผลเป็นเกิดขึ้นได้กับอวัยวะภายในได้ด้วยเช่นกัน
    ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดแผลเป็น
โอกาสเกิดรอยแผลเป็นในแต่ละคนได้มากน้อยขึ้นอยู่กับ ๒ ขั้นตอน
๑. ขั้นตอนการเกิดแผลเป็น  มีความรุนแรงของแผลหรือการฉีกขาดของเนื้อเยื่อว่า ตื้นลึกเพียงใด
๒. ขั้นตอนการรักษาแผลให้หาย มีการดูแลรักษาแผลอย่างไร
ถ้าเกิดบาดแผลเพียงผิวๆ เล็กๆ น้อยๆ เช่น ในระดับของหนังกำพร้า ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นบางๆ ชั้นนอกสุด เมื่อแผลหายดีแล้วก็อาจทำให้เกิดแผลเป็นเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเมื่อทิ้งไว้สักระยะหนึ่งรอยแผลเป็นก็จะจางหายไปได้เอง หรืออาจจะไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นเลยก็เป็นได้
แต่ถ้าบาดแผลหรือการฉีกขาดเจาะลึกลงถึงชั้นหนังแท้หรือลึกกว่านั้น เช่น บาดแผลลึกจนถึงชั้นของกล้ามเนื้อ กระดูก เป็นต้น แผลเหล่านี้เมื่อหายดีแล้ว ก็อาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้เป็นที่ระลึกได้
อีกประเด็นหนึ่ง คือการดูแลรักษาแผล ถ้ามีการดูแลรักษาที่ดี และทำให้แผลหายเร็ว รอยแผลเป็นก็จะลดน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับการดูแลรักษาที่ไม่ดี มีความสกปรก และแผลหายช้า

ธรรมชาติของรอยแผลเป็นเมื่อแผลหายเป็นปกติแล้ว มักจะทิ้งรอยแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นสีแดงหรือสีน้ำตาลและนูนขึ้น แต่เมื่อปล่อยทิ้งไว้กระบวนการตามธรรมชาติจะช่วยให้รอยแผลเป็นจางลงพร้อมทั้งแบนราบลงได้เอง หลังจากนั้นประมาณ ๑-๒ ปีเป็นต้นไป ยกเว้นในบางกรณีที่รอยแผลเป็นอาจมีอาการคันและเจ็บปวดได้
นอกจากนี้ ยังพบว่าในเด็กโอกาสที่จะเกิดแผลเป็นได้น้อยกว่าในผู้ใหญ่ โดยพบว่าในวัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์จะมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้บ่อยกว่าในวัยอื่นๆ ในเพศหญิงจะมีโอกาสการเกิดแผลเป็นได้บ่อยและมากกว่าในเพศชาย ในคนผิวคล้ำจะมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้บ่อยและรุนแรงกว่าคนผิวขาว และผู้ที่มีประวัติเคยเกิดแผลเป็นและมีประวัติของครอบครัวเกิดแผลเป็นจะมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้มากกว่าผู้ที่ไม่เคยมีประวัติดังกล่าว

ชนิดของแผลเป็น
รอยแผลเป็นมีมากมายหลายชนิด แต่ที่เป็นปัญหาหลักๆ จะมี ๒ ชนิดใหญ่ ดังนี้
๑. รอยแผลเป็นนูนหนา (Hypertrophic scar) คือ แผลเป็นที่มีสีแดงและนูนขึ้นมาจากผิวหนังปกติ แต่ยังอยู่ในขอบเขตของรอยแผลที่เกิดจากการบาดเจ็บหรือฉีกขาดของแผลเดิม แผลเป็นชนิดนี้เกิดจาการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป และมักไม่ขยายกว้างขึ้นเกิดจากรอยโรคเดิม
๒. คีลอยด์ (Keloid) คือ แผลเป็นที่มีอาการนูนและแดงคล้ายกับรอยแผลเป็นนูนหนา แต่มีความผิดปกติทำให้เกิดการขยายตัวกว้างขึ้นเข้าสู่เนื้อเยื่อรอบๆ รอยโรคของแผลตอนแรกเริ่ม
   
การป้องกันแผลเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกในการลดแผลเป็นคือ ควรลดสาเหตุและระดับความรุนแรงของการเกิดแผล แต่ในกรณีที่เกิดแผลขึ้นแล้ว ควรดูแลรักษาทำความสะอาดแผลอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อให้แผลหายเร็วที่สุด ยิ่งแผลหายเร็วเท่าใดโอกาสการเกิดแผลเป็นก็จะน้อยหรือเบาบางลงเท่านั้น
ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการหายของแผล ได้แก่ อายุ ยาคอร์ติโคสตีรอยด์ การขาดอาหาร การสูบบุหรี่ อุณหภูมิ ความชื้น ความเป็นกรดด่าง และออกซิเจน โดยพบว่าแผลจะหายได้ดีขึ้นในสภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิที่อบอุ่นได้ดีกว่าอากาศเย็น ความชื้น ความเป็นกรดด่าง ๗.๔ และออกซิเจนจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นเช่นกัน
   
ทำอย่างไรให้แผลหายเร็วดังนั้น ในการรักษาแผลจึงควรรักษาสภาวะแวดล้อมและความสะอาดของแผลให้เหมาะสม มีอุณหภูมิที่อบอุ่น มีความชื้นเพียงพอ ความเป็นกรดด่าง และออกซิเจน เหมาะสมและเพียงพอ เพื่อช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น
สำหรับการดูแลแผลเล็กๆ น้อยๆ เบื้องต้น เริ่มต้นการล้างหรือเช็ดทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด ตามด้วยการปิดทำแผลโดยปราศจากเชื้อ ไม่แนะนำให้ใช้แอลกอฮอล์หรือยาฆ่าเชื้อ เช่น โพรวิโดนไอโอดีน เพราะส่งผลเสียต่อการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้แผลหายช้า
ส่วนชนิดของแผลที่ควรแนะนำไปพบแพทย์ ได้แก่ แผลที่เลือดไหลไม่หยุด แผลขนาดใหญ่หรือแผลลึกมาก แผลที่เกิดจากแมลงพิษกัด แผลบริเวณข้อต่อหรือข้อพับ และแผลที่แดง อักเสบ และปวดรุนแรงหรือเป็นหนอง เป็นต้น ซึ่งมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้
ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลร้ายต่อการหายของแผลคือ การสูบบุหรี่ การขาดวิตามินซี และธาตุสังกะสี ซึ่งควรรักษาระดับวิตามินซี และสังกะสีให้อยู่ในระดับปกติ ในทางตรงกันข้ามการได้รับวิตามินซี และสังกะสีในขนาดสูงหรือปริมาณมากเกินกว่าความต้องการของร่างกายก็ไม่ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
นอกจากนี้ การเกิดแผลเป็นอาจลดลง ถ้าให้ปากแผลแนบสนิทกันพร้อมทั้งลดแรงตึงต่อแผลลง
    
การรักษารอยแผลเป็นในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่นำมาเพื่อใช้รักษาหรือลดขนาดของแผลเป็นให้ลดน้อยลง เช่น การผ่าตัด การฉีดยาคอร์ติโคสตีรอยด์ การฉายรังสี การใช้ความเย็น การรักษาด้วยเจลซิลิโคน (silicone gel) ครีมวิตามินอี ยาครีมบางชนิด การปล่อยให้ดีขึ้นเอง เป็นต้น
อย่างไรก็ดี วิธีการรักษาแผลเป็นส่วนใหญ่มักไม่มีเอกสารทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือเพียงพอว่าได้ผลดี
ตามแนวทางการดูแลรอยแผลเป็น ของ The International Clinical Guidelines for Scar Management 2002 ได้สรุปไว้ว่า การรักษาแผลเป็นที่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือเพียงพอ มีเพียง ๒ วิธี เท่านั้น ได้แก่ แผ่นเจลซิลิโคน (silicone gel sheet) และการฉีดคอร์ติโคสตีรอยด์ (intralesional steroid injection)
๑. แผ่นเจลซิลิโคน (silicone gel sheet) 
เป็นแผ่นซิลิโคนใสที่เหมาะสำหรับแผลเป็นที่มีสีแดงหรือสีคล้ำหรือนูน ซึ่งมีรายงานว่าเมื่อใช้แผ่นเจลซิลิโคนแล้วจะช่วยให้สีของแผลจางลงและแผลแบนราบลงได้
ในการใช้แผ่นเจลซิลิโคนนี้ไม่ควรจะใช้ในขณะแผลเปิด ควรเริ่มใช้ทันทีที่แผลปิดสนิทหรือหลังตัดไหมสำหรับแผลเย็บ โดยปิดแผ่นเจลซิลิโคนนี้ทับแผลเป็นหรือคีลอยด์เป็นระยะเวลานานมากกว่า ๑๒ ชั่วโมงต่อวัน (อาจเริ่มต้นด้วยระยะเวลาน้อยๆ และเพิ่มขึ้นจนมากกว่า ๑๒ ชั่วโมงต่อวัน) จะช่วยให้แผลเป็นนี้ยุบลงได้ โดยที่ไม่เจ็บ แต่ใช้เวลาอาจจะประมาณ ๔-๖ เดือน
แผ่นซิลิโคนใสนี้ สามารถนำมาล้างทำความสะอาด ใช้สบู่ฟอก ใช้น้ำสะอาดล้าง แล้วผึ่งให้แห้ง นำมาใช้ปิดแผลเป็นได้จนกว่าจะปิดไม่อยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะสามารถใช้ได้นาน ๑๔-๒๘ วัน
๒. การฉีดยาคอร์ติโคสตีรอยด์ (Intra lesional corticosteroid) การฉีดยาสตีรอยด์ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ โดยเฉพาะศัลยแพทย์ตกแต่ง (plastic surgeon) จะฉีดยาสตีรอยด์นี้เข้าใต้ตำแหน่งของแผลเป็น ซึ่งจะช่วยให้แผลเป็นนั้นนุ่มลงและแบนราบลงได้
ยานี้ควรใช้เมื่อใช้แผ่นซิลิโคนใสแล้วยังไม่หายดี ขนาดของยาที่ใช้อยู่ระหว่าง ๑๐-๑๒๐ มิลลิกรัมต่อครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของแผลเป็น ควรให้ทุก ๔-๖ สัปดาห์ ซึ่งได้ผลพอใช้ได้ แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บขณะที่ฉีดยา และต้องมาฉีดเป็นระยะตามที่แพทย์นัด นอกจากนี้ ในบางรายอาจทำให้แผลยุบตัวและสีผิวเปลี่ยนได้
การใช้ทายาสตีรอยด์ทาบริเวณแผลเป็น จะช่วยบรรเทาอาการคัน ตึง ปวด เพื่อไม่ให้ลุกลามขึ้น แต่ไม่ช่วยให้แผลเป็นหรือคีลอยด์ยุบลงได้
๓. การผ่าตัดการผ่าตัดจะช่วยจัดตำแหน่งร่องรอยแผลเป็นให้ดูดีขึ้นได้ แต่ทุกครั้งที่มีการผ่าตัดก็จะเกิดแผลเป็นใหม่แทนที่แผลเป็นเก่าเสมอ การผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์ได้ผลดีพอสมควร แต่ยังขึ้นอยู่กับขนาดของแผลเป็นด้วย๔. การทาด้วยครีมวิตามินอี  มีบางรายงานที่อ้างว่า วิตามินอี ช่วยเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น ซึ่งแพทย์บางคนแนะนำให้ใช้ แต่มีรายงานการศึกษาเปรียบเทียบขี้ผึ้งวิตามินอีกับยาหลอก พบว่าขี้ผึ้งวิตามินอีไม่ช่วยให้แผลเป็นดีขึ้นแตกต่างจากยาหลอก อีกทั้งมีรายงานการเกิดผื่นแพ้สัมผัสจากขี้ผึ้งวิตามินอี ถึง ๑ ใน ๓ ของผู้ที่ใช้ขี้ผึ้งวิตามินอีอีกด้วย
   
การปล่อยให้แผลเป็นจางลงเองตามธรรมชาติ แผลเป็นอาจหดและจางลงได้เองในระดับหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น ศัลยแพทย์ตกแต่งจำนวนมากจะแนะนำให้ทิ้งไว้เฉยๆ สัก ๑ ปี จนแผลจางลงเต็มที่ก่อนให้การรักษา
นอกจากนี้ การใช้แสงเลเซอร์ก็ได้ผลปานกลางขึ้นอยู่กับขนาดคีลอยด์ การใช้เครื่องสำอางตกแต่งแผลเป็น เป็นต้น
การรักษารอยแผลเป็นให้จางลงหรือหายสนิทเป็นทั้งความหวังและความสวยงาม ตลอดจนความมั่นใจในชีวิต
    
อย่างไรก็ตาม ในท้องตลาดมักพบผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิดที่โฆษณาหรือสื่อความหมายให้เข้าใจว่า ได้ผลดีช่วยให้รอยแผลเป็นหายได้ ไม่ว่าจะเป็นครีมต่างๆ หลายชนิด ซึ่งแพทย์ผิวหนังหลายท่านยืนยันว่าไม่ได้ช่วยให้รอยแผลเป็นจางลงเลย

อ้างอิง นิตยสารหมอชาวบ้าน 321 มกราคม 2006 ล้านคำถามเรื่องยา ปรึกษาเภสัชกร ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด http://www.doctor.or.th/article/detail/1709

แบบฝึกหัด บทที่8 การใช้สารสนเทศตามกฏหมายและจริยธรรม

แบบฝึกหัด
บทที่8 การใช้สารสนเทศตามกฏหมายและจริยธรรม
ข้อ1) ตอบ ผิดกฏหมาย เพราะนายAและนางสาวCนำโปแกรมที่นายAเขียนขึ้นมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติและไม่ได้อ้างอิงแหล่งที่มา


ข้อ2) ตอบ ผิดจริยธรรม เพราะเด็กชายKได้นำข้อมูลของผู้อื่นมาใช้ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่ทั่งหมดก็ควรที่จะมีการอ้างอิงแหล่งที่มาไว้ด้วย

แบบฝึกหัด บทที่7 ความปลอดภัยของสารสนเทศ

แบบฝึกหัด
บทที่7 ความปลอดภัยของสารสนเทศ

1)  หน้าที่ของไฟร์วอลล์(Firewall)คือ
ตอบ  รูปแบบของโปรแกรมหรืออุปกรณ์ที่ถูกจัดตั้งอยู่บนเครือข่ายเพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่ายภายใน(Internat)โดยป้องกันผู้บุกรุก(Intrusion)ที่มาจากเครือข่ายภายนอก(Internat)หรือเป็นการกำหนดนโบยการควบคุมการเข้าถึงระหว่างเครือข่ายสองเครือข่าย โดยสามารถกระทำได้โดยวิธีแตกต่างกันไปแล้วแต่ระบบ

2)  จงอธิบายคำศัพท์ต่อไรปนี้  ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสคอมพิวเตอร์ worm,virus computer,spy ware,adware มาอย่างน้อย 1 โปรแกรม
ตอบ  worm เวอร์มหรือมาดครไววรัส หมายถึงโปรแกรมซึ่งเป็นอิสระจากโปรแกรมอื่นๆโดยจะแพร่กระจ่ายผ่านเครือข่ายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ที่อยู่บทเครือข่ายการแพร่กระจายจะคล้ายกับตัวหนอนที่เจาะไซหรือซอกซอนไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆและแพร่พันธ์ด้วยการคัดลอกตนเองออกและส่งต่อผ่านเครือข่ายออกไป

3)  ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง
ตอบ ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
 1. Application viruses จะมีผลหรือกระจายไปยังโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ
 2. system viruses  ไวรัสชนิดนี้จะติดหรือแพร่กระจายในโปรแกรมจำพวกระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรม อื่นๆ

4)  ให้นิสิตอธิบายแนวทางในการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย 5 ข้อ
ตอบ   1.ควรเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง           
           2.มีการเข้ารหัสข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
           3.การเก็บข้อมมูลหรือกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในระบบคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา
           4.มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ใช้ระบบเข้าใช้ระบบในส่วนที่จำเป็นเท่านั้น
           5. มีระเบียบปฏิบัติการในการควบคุมอย่างชัดเจนแจ้งในการใช้ระบบเทคโนโลยัสารสนเทศ

5)  มาตราการด้านจริยธรรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมกับสังคมปัจุบัน ได้แก่
ตอบ ผู้ใดประสงค์แจกจ่ายแสดง อวดทำ ผลิตแก่ประชาชนหรือทำให้เผยแพร่ซึ่งเอกสาร  ภาพระบายสีส่งพิมพ์ แถบบันทึกเสียง บันทึกภาพหรือเกี่ยวเนื่องกับสิ่งพิมพ์ดังกล่าวมีโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทังปรับโดยบังคับใช้กับผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ต เซิร์ฟเวอร์ รวมถึงสื่อทุกประเภทอย่างจิงจัง

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัด บทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ

แบบฝึกหัด
บทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ      
         
           1) จงอธิบายความหมายของการจัดการสารสนเทศ
 ตอบ หมายถึงการผลิตจัดเก็บประมวลผล ค้นหา และเผยแพร่ สารสนเทศโดยจัดให้มีระบบสารสนเทศการกระจายของสารสนเทศทั้งภายในและภายนอกองค์การโดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆโดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศ

2) การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลและองค์การอย่างไร
  ตอบ การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคล ในด้านการดำรงชีวิตประจำวัน การศึกษา และการทำงานประกอบ   อาชีพต่างๆ การจัดการสารสนเทศอย่างเป็นระบบ โดยการจัดทำฐานข้อมูลส่วนบุคคลรวบรวมทั้งข้อมูลการดำรงชีวิต การศึกษา และการทำงาน การทำงานประกอบอาชีพต่างๆ ในการดำรงชีวิตประจำวันบุคคลย่อมต้องการสารสนเทศหลายด้านเพื่อใช้ชีวิตใด้อย่างราบรื่น มีความก้าวหน้า และมีความสุข
             การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อองค์การ
1.ด้านการบริหารจัดการ ในยุคโลกาภิวัตน์เป็นการบริหารภายใต้ภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันกันทางธุรกิจสูง ผู้บริหารต้องอาศัยสารสนเทศในการตัดสินใจ
2.ด้านการดำเนินงาน ในหลายลักษณะเป็นทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน และหลักฐานที่บันทึกการดำเนินงานในด้านต่างๆตามที่หน่วยงานดำเนินการ
3.ด้านกฏหมาย การจัดการสารสนเทศเพื่อการดำเนินงาน จำเป็นต้องสอดคล้องกับกฏหมาย กฏระเบียบ และข้อบังคับทั้งในระดับภายในและภายนอกองค์การ โดยเฉพาะสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการเงินและบัญชี
3.         3) พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ยุค อะไรบ้าง
                  ตอบ  2 ยุค เป็นการจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ และการจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์
            4) จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวันมา อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
                  ตอบ  1. การใช้ Blogger
                           2. การใช้บริการตู้เอทีเอ็ม
                           3. การใช้โทรศัพท์มือถือ

แบบฝึกหัด บทที่ 2 บทบาทสารสนเทศกับสังคม

    แบบฝึกหัด
บทที่ 2 บทบาทสารสนเทศกับสังคม
           1) ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่างๆตามหัวข้อเหล่านี้มาอย่างละ3รายการ  
           1.1 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา
      ตอบ 1. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) NIETS www.niets.or.th
              2. งานพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ (e-Learning) สำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม www.elearning.msu.ac.th
             3. www.google.com ใช้ในการค้นหาเรื่องราวต่างๆที่เราอยากรู้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีมากในปัจจุบัน
1.2 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน
ตอบ  1. www.nhso.go.th สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
              2. www.oag.go.th      สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
              3.  www.cpall.co.th บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
1.3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมลชน
     ตอบ  1. www.thaitv3.com สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
              2. www.tvpoolonline.com ทีวีพูล
             3. www.thairath.co.th   ข่าวไทยรัฐออนไลน์
1.4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม
    ตอบ  1. สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน)   
             2. สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
             3.  กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
    ตอบ   1. การพัฒนาเครื่องมือและอุปกรณ์ โดยอาศัยความรู้ด้านวิศวกรรมเป็น หลักในการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆเช่น เครื่องเอกซเรย์ เครื่องโทโมกราฟแบบคอมพิวเตอร์ เครื่องอัลตร้าซาวดิ เครื่องตรวจการรับฟังเสียง
              2. เครื่องตรวจวัดสายตา เพื่อใช้ในการตรวจวัดสายตาเพื่อได้รับการรักษา  เพื่อตัดแว่นตา
              3. การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการผลิตยา สาร หรือวิธีการที่ใช้ในทางการแพทย์ ในการพัฒนาบางครั้งต้องอาศัยเทคโนโลยีเทคนิค และวิธีการต่างๆ เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ
1.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ
      ตอบ 1. เครื่องมือการตรวจวัดแอลกอฮอล์
              2. ระบบตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมืออัตโนมัติ
              3. www.police4.go.th
 1.7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
      ตอบ   1. www.coe.or.th  สภาวิศวกร
                2. www.biotec.or.th ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ
                3. www.civilclub.net
1.8 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านเกษตรกรรม           
         ตอบ  1. www.haii.or.th สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร
                 2. http://www.agit.in.th
                 3. http://thaiagris.lib.ku.ac.th
1.9 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่างๆ
       ตอบ  1.http://www.healthyability.com/new_version5/ เว็บสร้างเสริมสุขภาพผู้พิการไทย
               2. http://www.ddc.go.th/ เว็บศูนย์พัฒนาอาชีพผู้พิการ
               3. http://www.blind.or.th/ เว็บมูลนิธิช่วยคนตาบอลแห่งประเทศไทย 

2) มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอกมาอย่างน้อย 3 อย่าง
                    ตอบ 1. http://reg.msu.ac.th/  ระบบลงทะเบียนมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
                            2. http://www.library.msu.ac.th/web/ สำนักวิทยบริการมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
                            3. http://www.ubook.msu.ac.th/ubook/index.php ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยมหาสารคามสาร                                                                                                                                                                 
 3. ข้  3) ข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไร
                ตอบ - ระบบลงทะเบียนมหาวิทยาลัยมหาสารคาม  ใช้ลงทะเบียนเรียน ตรวจสอบตารางเรียนตาราง
                           และตรวจสอบคะแนนของตนเอง
                       - สำนักวิทยบริการมหาวิทยาลัยมหาสารคาม   ใช้ในการบริการยืมหนังสือและคืนหนังสือ  ตรวจการยืม-คืนหนังสือ
                      -  ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยมหาสารคาม  ใช้สั่งซื้อหนังสือ ชุดนิสิต และใช้ตรวจสอบหนังสือต่างๆที่มีในมหาวิทยาลัย